My Account Login

EBC Financial Group เตือนความเสี่ยงการค้าพุ่ง จับตาเส้นตายมาตรการภาษีทรัมป์ 9 กรกฎาคม

สหรัฐฯ จ่อเปิดมาตรการภาษีใหม่ EBC Financial Group ชี้ความไม่แน่นอนทางนโยบายกระทบตลาดและทิศทางการค้า นักลงทุนทั่วโลกต้องปรับกลยุทธ์รับมือ

ข้อเสนอ “ภาษีตอบโต้” ของทรัมป์ปลุกกระแสตลาดผันผวน ดัชนี VIX พุ่งกว่า 38% เมื่อเทียบรายปี เทรดเดอร์ทั่วโลกจับตาความเสี่ยงและเตรียมรับมือความปั่นป่วน

DC, UNITED STATES, July 7, 2025 /EINPresswire.com/ -- เมื่อมาตรการพักการขึ้นภาษี 90 วันของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะสิ้นสุดลงในวันที่ 9 กรกฎาคม ตลาดการค้าทั่วโลกกำลังเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ข้อเสนอ “ภาษีตอบโต้” ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ประเทศที่เกินดุลการค้า ยังคงสร้างความกังวลให้กับนักลงทุน ส่งผลให้มีการปรับพอร์ตลงทุนไปยังสินทรัพย์ปลอดภัยมากขึ้น

“ดัชนี VIX เปรียบเสมือนเครื่องวัดอุณหภูมิตลาด ซึ่งสะท้อนว่าความตึงเครียดยังไม่หายไป” เดวิด บาร์เร็ตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EBC Financial Group (UK) Ltd. กล่าวว่า “นักเทรดยังไม่ได้กลับสู่ภาวะสงบ แต่กำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอน”

ตลาดยังคงตึงเครียดแม้รายวันจะสงบ

แม้เป็นช่วงที่ตลาดดูเงียบในวันที่ 2 กรกฎาคม แต่ดัชนี VIX ก็พุ่งขึ้นชั่วครู่แตะ 17.37 ในช่วงพรีมาร์เก็ต ก่อนจะปรับตัวลงที่ 16.64 ซึ่งสะท้อนว่าความระมัดระวังของนักลงทุนยังคงอยู่ในระดับสูง ความเปราะบางของตลาดยังเห็นได้ชัด: ดัชนี NIKKEI 225 ของญี่ปุ่นปรับตัวลดลงราว 0.2% ในวันเดียวกัน เพื่อตอบรับข่าวมาตรการภาษี

ขณะเดียวกัน ผู้จัดการกองทุนทั่วโลกยังคงมองว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะประเด็นนโยบายการค้า เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญในไตรมาส 3 นักลงทุนจึงทยอยปรับพอร์ตออกจากสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค

สิ่งที่นักเทรดควรจับตา

เมื่อเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมใกล้เข้ามา ตลาดเริ่มสะท้อนความเป็นไปได้ที่อาจมีการนำมาตรการภาษีใหม่ออกมาใช้มากขึ้น

หากมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง อาจสร้างแรงกระทบระยะสั้นต่อสินทรัพย์หลากหลายประเภท ตลาดหุ้นเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะประเทศอย่างญี่ปุ่นและเวียดนาม ยังคงมีแนวโน้มอ่อนไหวต่อประกาศนโยบาย ขณะที่ค่าเงินตลาดเกิดใหม่ เช่น เปโซเม็กซิโกและด่องเวียดนาม อาจเผชิญแรงกดดันให้ปรับตัวลง ขณะเดียวกัน ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนความระมัดระวังของนักลงทุนในภาพรวม

นักวิเคราะห์ของ EBC Financial Group (EBC) แนะนำให้จับตาตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตจากประเทศที่มีความเสี่ยงด้านภาษีอย่างใกล้ชิด รวมถึงข้อมูลกระแสเงินทุนใน ETF ที่เชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ โลจิสติกส์ และศูนย์กลางห่วงโซ่อุปทานทางเลือกอย่างอินเดียและบราซิล นอกจากนี้ คำแถลงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญ เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าอาจส่งผลต่อทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมจะผ่านไปโดยไม่มีมาตรการอย่างเป็นทางการ แต่การประเมินความเสี่ยงใหม่อาจสร้างโอกาสเชิงกลยุทธ์ให้กับนักเทรดที่วางแผนมาอย่างดีแล้ว

วาทกรรมภาษีขยายวง: ญี่ปุ่นตกอยู่ในเป้า

แม้ในตอนแรกเป้าหมายหลักจะอยู่ที่คู่ค้ารายใหญ่ เช่น จีน เม็กซิโก และเวียดนาม แต่ถ้อยแถลงล่าสุดของทรัมป์บ่งชี้ว่าญี่ปุ่นอาจตกเป็นเป้าหมายด้วย หากเขาได้ดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง ตามรายงานของ The Japan Times เขาได้โยนไอเดียการจัดเก็บภาษีตอบโต้สูงถึง 35% กับสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งสูงกว่าระดับที่เสนอไว้กับจีน เพื่อกดดันให้ญี่ปุ่นยอมอ่อนข้อทางการค้าอีกครั้ง

สถานการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นปัญหาการค้ารายประเทศ ไปสู่แนวคิดเชิงโครงสร้างที่อ้างอิงดุลการค้าเกินดุลในภาพรวม ซึ่งอาจสร้างความตึงเครียดให้กับพันธมิตรระยะยาว และบ่อนทำลายหลักการค้าระหว่างประเทศ

“ตอนนี้ภาษีไม่ใช่แค่เรื่องขาดดุลการค้าอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องมือแสดงสัญญาณทางการเมือง” บาร์เร็ตต์กล่าวเสริม “การหันไปใช้นโยบายการค้าที่มีมิติทางการเมืองมากขึ้นเช่นนี้ ส่งผลโดยตรงต่อความผันผวน โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยี ยานยนต์ และการผลิต”

ศูนย์กลางการผลิตเผชิญความเสี่ยงรอบใหม่

ประเทศอย่างเวียดนามและเม็กซิโก ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานเพราะมาตรการภาษี กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนรอบใหม่

เวียดนามเคยเผชิญความเสี่ยงจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสหรัฐฯ สูงถึง 46% ซึ่งสร้างความกังวลให้กับตลาดในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม การเจรจาล่าสุดนำไปสู่ข้อตกลงเบื้องต้น โดยจะเก็บภาษี 20% กับสินค้าส่งออกตรงจากเวียดนาม และ 40% กับสินค้าที่ถูกส่งต่อผ่านเวียดนามไปยังสหรัฐฯ แม้มาตรการนี้จะผ่อนคลายลงจากข้อเสนอเดิม แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจยังถือว่ามีนัยสำคัญ โดย GDP ไตรมาส 2 ของเวียดนามเดิมคาดโตที่ 7.6% แต่หากการส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง 10% อาจฉุดการเติบโตลง 0.8 จุด ขณะที่ IMF เตือนว่าหากความไม่แน่นอนเรื่องภาษียังคงอยู่ การเติบโตอาจชะลอเหลือ 5.4%

เม็กซิโกเองก็ยังคงเผชิญความเสี่ยง แม้ยังไม่มีการประกาศภาษีใหม่ แต่นักวิเคราะห์อ้างอิงงานวิจัยของ CEPR ที่ระบุว่า ในช่วงสงครามการค้าปี 2018–2019 การส่งออกของเม็กซิโกได้ประโยชน์จากการเบี่ยงเบนทางการค้า โดยเพิ่มขึ้น 4.2% ต่อทุกอัตราภาษี 25 จุดเปอร์เซ็นต์ที่เก็บกับสินค้าจีนประเภทเดียวกัน

จีนยังคงเป็นศูนย์กลางความเสี่ยงการค้าทั่วโลก

ภูมิทัศน์การค้าของจีนสะท้อนภาพผสม ในเดือนมีนาคม การส่งออกของจีนพุ่งขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 314 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมดุลการค้าเกินดุล 103 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการเร่งส่งออกก่อนมาตรการภาษีที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม 2568 มีสัญญาณชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัด: อัตราการเติบโตของการส่งออกลดเหลือ 4.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน คิดเป็นมูลค่ารวม 316.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลงเกือบ 35% สะท้อนผลกระทบจากมาตรการภาษีที่เพิ่มขึ้น แม้กระนั้น ดุลการค้าเกินดุลของจีนยังคงขยายตัวเล็กน้อยเป็น 103.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

การเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีผลกระทบทั่วโลก

โมเดลภาษีตอบโต้ที่ทรัมป์เสนอถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เบี่ยงเบนจากกรอบการบังคับใช้ของ WTO หากนำไปใช้จริง อาจมีการเก็บภาษีแบบครอบคลุมกับทุกประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุล รวมถึงพันธมิตรอย่างเยอรมนี เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

ความไม่แน่นอนนี้ทำให้การตัดสินใจจัดหาสินค้าระดับโลกของบริษัทข้ามชาติยุ่งยากขึ้น และเสี่ยงสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่พึ่งพาการค้ากับสหรัฐฯ

ข้อมูลนี้สะท้อนมุมมองของ EBC Financial Group และบริษัทในเครือทั่วโลก โดยไม่ได้ถือเป็นคำแนะนำทางการเงินหรือการลงทุน การซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs) มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียทางการเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากการใช้เลเวอเรจ ซึ่งอาจไม่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนทุกคน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องประเมินวัตถุประสงค์การลงทุน ความเชี่ยวชาญ และความเสี่ยงที่ยอมรับได้อย่างรอบคอบก่อนเข้าร่วม EBC Financial Group และบริษัทในเครือไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากการอาศัยข้อมูลนี้

ตั้งแต่การวางแผนสถานการณ์ภาพรวมไปจนถึงข้อมูลเชิงลึกทางภูมิรัฐศาสตร์แบบเรียลไทม์ EBC ช่วยให้นักเทรดก้าวนำกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.ebc.com

### 

เกี่ยวกับ EBC Financial Group

ก่อตั้งขึ้นในลอนดอน EBC Financial Group (EBC) เป็นแบรนด์ระดับโลกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเป็นนายหน้าทางการเงินและการบริหารจัดการสินทรัพย์ ผ่านบริษัทในเครือที่ได้รับอนุญาตและดำเนินงานในเขตอำนาจทางการเงินหลัก ๆ เช่น สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย หมู่เกาะเคย์แมน มอริเชียส และอื่น ๆ EBC เปิดโอกาสให้นักลงทุนรายย่อย มืออาชีพ และสถาบัน เข้าถึงตลาดและโอกาสการซื้อขายทั่วโลก ทั้งในตลาดสกุลเงิน สินค้าโภคภัณฑ์ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs) และอื่น ๆ

ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนในกว่า 100 ประเทศ และได้รับรางวัลระดับโลกมากมาย รวมถึงการรับรองจาก World Finance หลายปีซ้อน EBC เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะหนึ่งในนายหน้าที่ดีที่สุดของโลก ด้วยรางวัลเช่น แพลตฟอร์มการซื้อขายที่ดีที่สุด และนายหน้าที่เชื่อถือได้ที่สุด ด้วยความเข้มแข็งด้านกฎระเบียบและความมุ่งมั่นในความโปร่งใส EBC ยังได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มนายหน้าชั้นนำ ที่นักลงทุนไว้วางใจในความสามารถในการนำเสนอทางเลือกการซื้อขายที่ปลอดภัย นวัตกรรม และเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในตลาดแข่งขันระดับนานาชาติ

บริษัทในเครือของ EBC ได้รับใบอนุญาตและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลในเขตอำนาจที่เกี่ยวข้อง EBC Financial Group (UK) Limited อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Financial Conduct Authority (FCA) สหราชอาณาจักร; EBC Financial Group (Cayman) Limited อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Cayman Islands Monetary Authority (CIMA); EBC Financial Group (Australia) Pty Ltd และ EBC Asset Management Pty Ltd อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Australian Securities and Investments Commission (ASIC); EBC Financial (MU) Ltd ได้รับอนุญาตและกำกับดูแลโดย Financial Services Commission Mauritius (FSC)

เบื้องหลังของ EBC คือทีมงานมืออาชีพในอุตสาหกรรมที่มีประสบการณ์กว่า 40 ปี ผ่านการรับมือกับวัฏจักรเศรษฐกิจสำคัญ ๆ ตั้งแต่ Plaza Accord และวิกฤติฟรังก์สวิสปี 2015 จนถึงความผันผวนของตลาดในช่วงโรคระบาด COVID-19 เราปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ความเคารพ และความปลอดภัยของสินทรัพย์ลูกค้า เพื่อให้ความสัมพันธ์กับนักลงทุนทุกคนได้รับการดูแลอย่างจริงจังและเหมาะสม

EBC ยังเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการด้านการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา และยังคงขับเคลื่อนความร่วมมือที่สร้างผลกระทบในชุมชนต่าง ๆ โดยเฉพาะผ่านโครงการ United to Beat Malaria ของมูลนิธิสหประชาชาติ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และพันธมิตรหลากหลายที่สนับสนุนโครงการด้านสุขภาพโลก เศรษฐศาสตร์ การศึกษา และความยั่งยืน

https://www.ebc.com/  

Michelle Siow
EBC Financial Group
+60 163376040
michelle.siow@ebc.com
Visit us on social media:
LinkedIn

Facebook

Twitter

View full experience

Distribution channels: Banking, Finance & Investment Industry, Business & Economy, Culture, Society & Lifestyle, U.S. Politics, World & Regional